MTW หวือหวาได้ใจ ในการเข้าซื้อขายวันแรก ภาคเช้าให้ผลตอบแทนเกิน 108% ก่อนกำไรหดเหลือ 20% เมื่อปิดตลาด

การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ของ บมจ. เมคทูวิน โฮลดิ้ง (MTW) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) ตลอดการซื้อขายภาคเช้า เพราะให้ผลตอบแทนสูงเกิน 108%

โดยหลังจากเปิดที่ 7.45 บาท ทะยานตัวกว่า 158% จากราคาจองที่ 2.88 บาท มีแรงซื้อหนุนให้ราคาหุ้นไต่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 7.80 บาท แต่หลังจากนั้น เริ่มมีแรงขายกระจายตัวออกมาเป็นระยะๆ กดราคาให้ปรับฐานลงมา แต่ก็ไม่หลุด 6 บาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดตลาดภาคบ่าย กลับมีแรงขายโถมออกมาต่อเนื่อง กดราคาหุ้นให้ค่อยๆ อ่อนตัวลงเป็นลำดับ กระทั่งดิ่งตัวลงมาปิดที่ 3.48 บาท สูงกว่าราคาจอง 60 สตางค์ คิดเป็นผลตอบแทน 20.83%  

โอกาสนี้ นายกฤตเมธ ตั้งพิชญโพธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MTW ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป กับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า DECO กล่าวขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจบริษัทฯ พร้อมกับย้ำว่า ผู้บริหารทุกคนมีความตั้งใจผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเมื่อบริษัทฯ เติบโต ราคาหุ้นก็จะปรับเพิ่มขึ้นตามไปในที่สุด

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อนำไปต่อยอดในธุรกิจรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านบริษัทย่อย เดโก กรีน เอนเนอร์จี (DECO) บริษัทฯ วางแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มจาก 32,000 คันในปีนี้ เป็น 38,400 คัน ในปีหน้า ก่อนเพิ่มเป็น 46,400 คัน และ 56,000 คัน ในปี 2567–68 ตามลำดับ โดยตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ถึง 2 แสนคัน ในอนาคต ซึ่งจะมีส่วนผลักดันให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ เติบโตก้าวกระโดดตามไป หนุนโดยมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจากกรมสรรพสามิต ที่ให้ส่วนลด 18,000 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์ทั้ง 8 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น SUSU, HANNAH, SOFIA, LUCIANO, DOUBLEACE, G-FIVE, SUPERACE​ หรือ TAITAN และยังมีการรับประกันมอเตอร์ 3 ปี แบตเตอรี่ 2 ปี และชุดไฟฟ้า 1 ปี 

นอกจากนี้ DECO ยังมีการผลิตและจำหน่ายจักรยานไฟฟ้า ทั้งแบบ 2 ล้อ และ 3 ล้อ รวมถึงรถที่ใช้ในภาคการเกษตร และขนย้ายสินค้าตามโรงงานต่างๆ อีกด้วย

ขณะที่นายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาย แอ๊ดไวเซอรี่ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เสริมว่า MTW ถือเป็นบริษัทฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ทั้งจากประสบการณ์ในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปมายาวนานกว่า 20 ปี เน้นขายส่งผ่านช่องทางจำหน่ายหลักบริเวณตลาดโบ๊เบ๊และประตูน้ำ เพื่อให้ผู้ค้าส่งนำสินค้าไปจำหน่ายแก่ลูกค้าปลายทางอีกทอดหนึ่ง และโอกาสการเติบโตในธุรกิจ BEV ที่มีแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่ง ตามกระแส Mega Trend ในการรักษ์โลก

อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีจุดแข็งด้านการพัฒนาเทคโนโลยี ปรับเปลี่ยนทั้งเครื่องจักรและวิธีการให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความเป็นระบบ รวมถึงมีระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน ที่สำคัญ ผู้บริหารไม่หยุดนิ่งที่จะแสวงหาโอกาสทางธุรกิจตลอดเวลา เพื่อสร้างการเติบโตของผลดำเนินงานที่ดีในระยะยาว

สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์ ค่ายหยวนต้า (YUANTA) ซึ่งเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นครั้งนี้ด้วย บอกว่า การที่ DECO ตั้งเป้าส่งมอบ BEV ปีนี้ทั้งปี 3,600 คัน โดย 9 เดือนที่ผ่านมา มีการส่งมอบไปแล้ว 2,099 คัน ซึ่งหากมีการส่งมอบในไตรมาสสุดท้าย 1,500 คัน ทำให้กำไรไตรมาสสุดท้ายปีนี้มีโอกาสทำ New high ที่ 10–15 ล้านบาท หนุนให้กำไรทั้งปี มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่เช่นกัน คาดที่ 31 ล้านบาท (+56.1% YoY) และสูงสุดใหม่ต่อเนื่องไปอย่างน้อยอีก 3 ปี จากกำลังการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และเป็นช่วงที่ได้ประโยชน์เต็มที่จากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลถึงปี 2568 ทำให้บริษัทฯ ไม่จำเป็นต้องจัดโปรโมชั่นเพิ่มเติม จึงคาดอัตรากำไรที่สูง โดยคาดกำไรปกติปีนี้ ที่ 86 ล้านบาท (+177.8% YoY) และเพิ่มขึ้นเป็น 176 ล้านบาท ในปี 2568 คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 4 ปี ที่ที่ 72.6% 

ที่ราคา IPO ที่ 2.88 บาท เทียบเท่า PER66 ที่เพียง 11.3 เท่า ถือว่าต่ามากเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตแบบ Exponential จากการเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นเทรนด์ของโลก และมีความเป็นทั้งหุ้นเติบโตและหุ้นเทคโนโลยีที่หาได้ยากในประเทศไทย

ดังนั้น เมื่อประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF โดยพิจารณาจากการใช้กระแสเงินสดอิสระ 3 ปี ถึงปี 2569 ได้ราคาเป้าหมายสิ้นปีหน้าที่ 9 บาท เทียบเท่า PER66 เพียง 35.3 เท่า ซึ่งต่ำกว่า PER ของหุ้น EV ทั้้งในและต่างประเทศ และ PER ของ MAI ที่สูงถึง 40 – 60 เท่า จึงแนะนำ "ซื้อ"