SPREME เคาะราคา IPO 2.60 บาท เปิดจอง 23-25 เม.ย. ก่อนดีเดย์ซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 2 พ.ค.

4441 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SPREME เคาะราคา IPO 2.60 บาท เปิดจอง 23-25 เม.ย. ก่อนดีเดย์ซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 2 พ.ค.


 

นายธีรฉัตร ศิลปสนธยานนท์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า (FNS) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บมจ. สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) เปิดเผยว่า พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 27.02% ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมด ที่ราคาพาร์ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท ระหว่างวันที่ 23 - 25 เมษายนนี้ ผ่านบริษัทฯ และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (CGSI) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นร่วม พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 7 ราย ได้แก่ บมจ. หลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด (KFS) บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ประเทศไทย (MST) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล (ASL) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ (TNITY) และบริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ (SBITO) คาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในวันที่ 2 พฤษภาคมที่จะถึงนี้  

ทั้งนี้ การกำหนดราคา IPO ที่ 2.60 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 12.29 เท่า เมื่อคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคมปีที่ผ่านมา ถือว่าเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และโอกาสเติบโตทางธุรกิจ ในฐานะผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารครบวงจร ที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยาวนานร่วม 30 ปี

ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ (Finnex) ซี่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เสริมว่า จุดเด่นของ SPREME อยู่ที่ความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้ออกแบบ จัดหา และติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ หรืองานด้าน SI (System Integrator) ครบวงจร ทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และโปรแกรมซอฟต์แวร์ รวมถึงการให้บริการบำรุงรักษา ซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์หลังการขาย อีกทั้งยังมีบริการให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง

ประการสำคัญ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ทำให้ความต้องการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่ง SPREME ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี ทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ทำให้สามารถนำเสนอโซลูชั่น และส่งมอบงานที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุด อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจผ่านการซื้อกิจการ หรือร่วมลงทุน เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรให้สูงขึ้น สร้างการเติบโตทางธุรกิจให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ทำได้มาตลอด 3 ปีล่าสุด (ปี 2564-66) โดยมีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง จาก 871.19 ล้านบาท ในปี 2564 มาเป็น 1,256.32 ล้านบาท ในปี 2566 ขณะที่กำไรสุทธิเร่งตัวจาก 110.53 ล้านบาท ในปี 2564 มาเป็น 156.59 ล้านบาท ในปี 2566   

 



ขณะที่นายภาณุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME ชี้แจงว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจของบริษัทฯ ให้เข้มแข็งมากขึ้น รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายที่บริษัทฯ มุ่งหวัง จากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนราว 449 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนรองรับการประมูลโครงการที่มีขนาดใหญ่ ราว 230 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 220 ล้านบาท มีแผนใช้เป็นเงินลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัทฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ราว 110 ล้านบาท เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว

และเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ได้มีการตกลงร่วมกันแล้วว่า จะไม่มีการขายหุ้นที่ไม่ติดเกณฑ์ Silent Period ออกมาแต่อย่างใด โดยพร้อมใจกัน lock up หุ้นทั้งจำนวน 100% อีกด้วย

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้