IDG มั่นใจ พื้นฐานธุรกิจ จะทำให้การซื้อขายวันแรก 24 ต.ค. ได้การตอบรับดี

1315 จำนวนผู้เข้าชม  | 

IDG มั่นใจ พื้นฐานธุรกิจ จะทำให้การซื้อขายวันแรก 24 ต.ค. ได้การตอบรับดี


 

 

นายกิตติชัย นาคะประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย (UOBKH) ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บมจ.อินดิจี (IDG) ที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร และผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับองค์กร เปิดเผยผลการเปิดเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 28 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3 บาท จากราคาพาร์ 0.50 บาท ระหว่างวันที่ 15 – 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ทำให้สามารถปิดยอดการขายได้ตามเป้า สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการตั้งราคาขายที่สมเหตุสมผล สอดคล้องกับภาวะตลาดในปัจจุบัน รวมถึงปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพการเติบโต ในฐานะหนึ่งในผู้นำการเป็นผู้นำที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร และผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำแบบ End-to-End ครอบคลุม Consulting, Integration, Platform, Academy และ Market พร้อมพัฒนาโซลูชัน Transformation+ (Work+, Biz+, Life+, 365+) ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งมีการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และความต้องการด้าน AI, IoT และ Sustainability ทำให้องค์กรชั้นนำให้ความไว้วางใจเลือกเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมายาวนานกว่า 25 ปี ประกอบกับการที่บริษัทฯ ไม่มีภาระหนี้สินและดอกเบี้ยจ่าย ส่งผลให้ฐานะทางการเงินมีความเข้มแข็ง สามารถจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ สร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนในระยะยาว จึงมีความมั่นใจว่า การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ จะไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนแต่อย่างใด

ส่วนนายวิธาน ฉั่วเจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IDG ยืนยันว่า พร้อมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเกือบ 75 ล้านบาท ไปใช้ในการขยายธุรกิจอย่างคุ้มค่า ทั้งการลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ราว 20 ล้านบาท การขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล (Digital Business Center) 25 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสร้าง New Growth Engine ในระยะต่อไป ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมรองรับการเติบโตของกระแสดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ตามแผนธุรกิจ 3 ปี (ปี 2568-70) ซึ่งจะมุ่งเน้นขยายฐานตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการหันมาขายซอฟท์แวร์ที่เป็นของบริษัทฯ เต็มตัวมากขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น ผลักดันผลดำเนินงานให้เติบโตเป็นเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายใน 5 ปีข้างหน้า 

ในเบื้องต้น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก 3 ค่ายที่ร่วมเป็นผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น ทั้ง UOBKH บมจ.หลักทรัพย์ไอร่า (AIRA) และบริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ (TNITY) คิดตรงกันว่า การที่องค์กรขนาดใหญ่ภาคเอกชน และเอนเตอร์ไพรส์ (Enterprise) ให้ความไว้วางใจใช้บริการจากบริษัทฯ มายาวนาน ช่วยการันตีรายได้ที่แน่นอนได้ในระดับหนึ่ง ประกอบกับการที่บริษัทฯ รุกขยายฐานตลาดธุรกิจขนาดกลางและเล็กเพิ่มขึ้น ทำให้ผลดำเนินงานมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นมูลค่าพื้นฐานได้ในกรอบ 3.90 - 4.37 บาท

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้