1179 จำนวนผู้เข้าชม |
นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป (BKA) ผู้นำบริการซื้อขายบ้านมือสองตกแต่งใหม่ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ประมาณ 108 ล้านบาท มาใช้ขยายพอร์ตธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) เพิ่มขึ้น ทั้งการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการตกแต่งบ้านมือสอง และลงทุนซื้อทรัพย์รอการขาย (NPA) จากบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่างๆ ที่เป็นแนวราบได้มากถึงปีละ 70-80 หลัง เน้นไปที่บ้านระดับราคาตั้งแต่ 5-10 ล้านบาทเป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความต้องการอยู่อาศัยสูง ดูได้จากรายงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ปีที่ผ่านมา ที่ชี้ว่า กลุ่มบ้านระดับราคา 3.0-7.5 ล้านบาท เติบโตถึง 20% สูงกว่าบ้านใหม่มือหนึ่ง และยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์แผ่นดินไหวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ ได้อานิสงค์จากความต้องการจากลูกค้าที่อาศัยในคอนโดมิเนียมชั้นสูงๆ เริ่มให้ความสนใจบ้านแนวราบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามไปด้วย สนับสนุนให้บริษัทฯ น่าจะสร้างรายได้เติบโตเฉลี่ยปีหนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่า 15-20% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยจะเริ่มเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ต่างก็มีทรัพย์สินรอการขายกว่าแสนล้านบาท ทำให้ BKA มีโอกาสต่อยอดธุรกิจจากการให้บริการรับฝากขาย ซ่อมแซม ปรับปรุง ทำการตลาด และขายให้แบบครบวงจร มุ่งเน้นไปที่โซน จ. นนทบุรี ซึ่งเป็นโซนหลักที่บริษัทฯ มีความชำนาญ พร้อมกับขยายพอร์ตออกไปในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก อย่างลาดพร้าว บางกะปิ รามคำแหง สวนหลวง ที่เป็นทำเลที่มีกำลังซื้อสูง มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูง ช่วยให้สามารถกระจายพอร์ตรายได้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่รอบกรุงเทพฯพร้อมสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะเร่งพัฒนา Platform เพื่อเป็นตัวกลางในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ จากการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผ่านเทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) มาใช้ตอบโจทย์การค้นหาข้อมูลให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านได้เห็นภาพบ้านเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งแผนดังกล่าวจะเริ่มมีความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และยกระดับขึ้นเป็นธุรกิจ Property Technology (Prop Tech) เป็นรายแรกๆ ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์