1421 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 900 ล้านบาท ลดลง 48% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ตามรายได้จากการขายรวมที่ลดลง 5% มาอยู่ที่ 32,209 ล้านบาท สาเหตุจากราคาขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และธุรกิจเยื่อและกระดาษลดลง อีกทั้งปริมาณส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ชะลอตัว ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น แต่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาท ตามรายได้จากการขายรวมที่เพิ่มขึ้น 3% จากปริมาณขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และธุรกิจเยื่อและกระดาษมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะจากตลาดในประเทศ ขานรับความสำเร็จจากการปรับกลยุทธ์การส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ไปยังประเทศต่างๆ ทั้งในอาเซียน เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุนด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning รวมถึงการจัดการต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) ที่มีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้คาดหมายแนวโน้มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไตรมาส 2 ด้วยว่า น่าจะเห็นการฟื้นตัวดีต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณขายที่แข็งแกร่งขึ้น ทั้งตลาดในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งเพิ่งผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาว รับอานิสงค์จากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดอาเซียนที่ฟื้นตัวตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงแม้จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่ยังคงสูงกว่าภูมิภาคอื่น ความต้องการเติมสต๊อกสินค้าจากสหรัฐฯ และลูกค้าที่มีธุรกิจในสหรัฐฯ ก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าของอเมริกา คิดเป็นสัดส่วนราว 8% ของยอดขาย ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล ต้นทุนพลังงานลดลง และแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของบริษัทฯ ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นจะคงอยู่ในระดับที่ดีต่อไป
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เตรียมแผนรับมือมาตรการภาษี ด้วยการเตรียมแผนเชิงรุก สร้างความสามารถและความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านคุณภาพสินค้า ความร่วมมือ สร้างความเป็นเลิศด้านการตลาด การบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงแผนส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูง เพื่อส่งมอบสินค้า บริการ และโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้า รวมถึงการใช้ประโยชน์จากฐานการผลิตในหลายประเทศ และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ช่วยให้สามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมขยายโอกาสใหม่ในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค ด้วยการร่วมลงทุนกับกลุ่มโฮวะ ซังเกียว (Howa Sangyo) จัดตั้งบริษัทโฮวะ แพ็คเกจจิ้ง ประเทศไทย โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 25% เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก ด้วยกำลังการผลิตปีละ 6,000 ตัน คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในเดือนมิถุนายนปีนี้ และการผสานความร่วมมือกับ Once Medical (Once) ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาระดับโลก มาผลิตหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาในไทย ผ่านบริษัทวีอีเอ็ม ไทยแลนด์ (VEM-TH) ใน จ. ระยอง ด้วยงบลงทุนประมาณ 142.3 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตหลอดฉีดยากำลังการผลิตปีละ 180 ล้านชิ้น และเข็มฉีดยาอีกปีละ 100 ล้านชิ้น คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมกราคม ปี 2569 ช่วยต่อยอดการเติบโตในตลาด Healthcare Supplies ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้ากระบอกฉีดยาและเข็มฉีดยาของประเทศ และช่วยเพิ่มโอกาสการขายผ่านช่องทางของ Deltalab ในภูมิภาคยุโรปด้วย ก่อนจะร่วมกันพัฒนาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ตามมาในอนาคต