1720 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) รายงานกำไรสุทธิ 2,115 ล้านบาท ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันกันปีก่อน (YoY) แต่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดคาด โดยการลดลง YoY เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งค่าการกลั่นพื้นฐานที่ปรับลดลง ตามส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ลดลงในทุกผลิตภัณฑ์ รวมถึงการที่กลุ่มธุรกิจการตลาดเผชิญสถานการณ์การแข่งขันด้านราคาในตลาดอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าการตลาดสุทธิอ่อนตัวลง ขณะที่ธุรกิจพลังงานสะอาด มียอดขายไฟฟ้าลดลงจากการขายโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น การหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว และการสิ้นสุดสัญญาค่าไฟ Adder ของโรงไฟฟ้าในไทย เช่นเดียวกับธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมลดลง ผลจากการขายแหล่งผลิต Yme ส่งผลให้รายได้จากการขายและให้บริการลดลง 5% เหลือ 134,647 ล้านบาท ส่วนการเพิ่มขึ้น QoQ ได้แรงหนุนจากจาก Synergy ในการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพร่วมกันระหว่างโรงกลั่นบางจากและโรงกลั่นศรีราชา เพิ่มกำไรที่เป็นเงินสด (EBITDA) ซึ่งใช้เป็นตัววัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ได้ถึง 1,812 ล้านบาท พร้อมกับหนุนให้กำไรที่เป็นเงินสดเพิ่มขึ้น 77% มาอยู่ที่ 12,666 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ พร้อมเสริมสร้าง synergy โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ให้เข้มแข็งมากขึ้น ด้วยการนำเข้าเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ (VLCC) ควบคู่ไปกับการขยายท่าเทียบเรือขนส่งน้ำมันแบบ Suezmax ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจากศรีราชา ภายในไตรมาส 2 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันดิบของทั้ง 2 โรงกลั่นได้บาร์เรลละ 0.35-0.45 ดอลลาร์สหรัฐฯ เห็นผลตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้เป็นต้นไป รวมถึงต่อยอดรายได้จากธุรกิจการตลาดให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วยการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีกกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ พร้อมขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมกว่า 419 จุด และจุดจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น FURiO อีกกว่า 2,000 จุด ควบคู่ไปขยายสาขาร้านกาแฟอินทนิลเพิ่มอีก 1,400 แห่ง ภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสถานีบริการน้ำมันให้สูงขึ้นต่อเนื่อง จากที่ทำได้เพิ่มเป็น 29.3% ในสิ้นปีก่อน ตลอดจนเร่งเดินหน้าผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวหน่วยผลิตเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (SAF)แห่งแรกของประเทศ ภายในโรงกลั่นน้ำมันพระโขนง ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้นวันละ 1 ล้านลิตร แต่อาจปรับแผนการผลิต SAFให้สอดคล้องกับแผนเลื่อนใช้ SAF ในสายการบินทั่วโลกออกไป แล้วหันมาผลิต Renewable Diesel (HVO)ที่มีความต้องการใช้สูงในอเมริกาและยุโรปแทน พร้อมกับเริ่มเดินสายการผลิตธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (CDMO) ภายในปีนี้
สำหรับแผนการเพิกถอนหุ้น BSRC ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นช่วงกลางเดือนกันยายน จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน