PTG ไตรมาสแรก กำไรดีกว่าตลาดคาด แม้จะลดลงจากค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจที่สูงขึ้น และปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

1640 จำนวนผู้เข้าชม  | 

PTG ไตรมาสแรก กำไรดีกว่าตลาดคาด แม้จะลดลงจากค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจที่สูงขึ้น และปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ


 

 

บมจ. พีทีจี เอ็นเนอร์ยี่ (PTG) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 57,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 2.2% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยการเพิ่มขึ้น YoY มีผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากธุรกิจน้ำมัน (Oil) ที่เติบโต 2.2% เป็น 52,067 ล้านบาท (อานิสงค์จากค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้น 4% มาอยู่ที่ลิตรละ 1.62 บาท) และธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) ไม่รวม LPG ที่เติบโต 32.2% มาอยู่ที่ 5,340 ล้านบาท (หลักๆ มาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย ที่ยอดขายเติบโตเป็นเท่าตัว ตามจำนวนสาขาที่เปิดเพิ่ม 529 แห่ง จากไตรมาสแรกปีก่อน และเพิ่ม 129 แห่ง จากไตรมาสสุดท้ายปีก่อน รวมเป็น 1,476 สาขา และการใช้กลยุทธ์การตลาดและแคมเปญส่งเสริมการขาย ช่วยกระตุ้นให้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น) ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 55.1%

ขณะที่การลดลง QoQ เกิดจากส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ลดลง 38.4% และรายได้จากธุรกิจ Oil ที่ลดลง 2.2% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จำกัดเพียงบางอุตสาหกรรม ฉุดให้ปริมาณจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางลดลงมาอยู่ที่ 1,667 ล้านลิตร พร้อมกับกดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจน้ำมัน (Oil) ลดลง 3.8% แต่การลดลงของรายได้จากธุรกิจ Oil กลับทำได้ดีกว่าอุตสาหกรรมที่ลดลงมากกว่า ส่งผลให้สถานีบริการน้ำมัน PT ครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น จาก 21.8% ในไตรมาสแรกปีก่อน และ 21.9% ในไตรมาสุดท้ายปีก่อน มาเป็น 22.1%

อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจทั้ง Oil และ Non-Oil รวมถึงการพัฒนามาตรฐานบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาด ทำให้จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น ค่าเสื่อมราคาสูงขึ้น อีกทั้งยังต้องมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ และโฆษณาเพิ่มขึ้น  20.9% YoY และ 8.2% QoQ เป็น 3,655 ล้านบาท ประกอบกับต้นทุนการเงินที่ทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น 6% YoY ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลง 26% YoY และลดลง 17% QoQ มาอยู่ที่ 190 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาด

เบื้องต้น ผู้บริหาร PTG ยังคงเป้าหมายการดำเนินธุรกิจปี 2568 นี้ โดยตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจ Non-Oil เติบโตจากปีก่อน 40-50% และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 25% เป็น 30-35% ขณะที่ตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจ Oil เติบโต 5-10% ตามเดิม ส่วนหนึ่งเกิดจากแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะสดใสขึ้นจากไตรมาสแรก หนุนจากธุรกิจ Oil ที่ปริมาณจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นตามวันหยุดยาวที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่เร่งตัวขึ้น หลังจากฐานะกองทุนน้ำมันปัจจุบันติดลบน้อยลงมาก ทำให้แรงกดดันจากการแทรกแซงค่าการตลาดลดลง ขณะที่ธุรกิจ Non-Oil ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย ที่มีแผนขยายสาขาทั้งปีเพิ่ม 600 สาขา เป็นกว่า 2,000 สาขา พร้อมกับการต่อยอดกลยุทธ์การตลาด ที่ขยายการเชื่อมต่อกับสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้