FPI ย้ำ การส่งออกหนุนรายได้ปีนี้ทำ New All Time High ตามแผน หลังไตรมาสแรกโตสวนอุตสาหกรรมยานยนต์

1366 จำนวนผู้เข้าชม  | 

FPI ย้ำ การส่งออกหนุนรายได้ปีนี้ทำ New All Time High ตามแผน หลังไตรมาสแรกโตสวนอุตสาหกรรมยานยนต์


 

 

บมจ. ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ผลจากการเติบโตของยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากตลาดซ่อมบำรุงในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการส่งออก โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นฐานตลาดสำคัญ ประกอบกับบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุน และบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มจาก 10.7% ในไตรมาสแรกปีก่อน มาอยู่ที่ 12.3% และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากไตรมาสแรกปีก่อน หนุนให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 10.8% มาอยู่ที่ 624 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) รายได้และกำไรจะลดลง 11.0% และ 29.4% ตามลำดับ ผลจากการที่ไตรมาสแรกของปี มักจะเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ ประกอบกับไตรมาสสุดท้ายปีก่อน ค่าเงินบาทอ่อนกว่าไตรมาสแรกปีนี้  

โอกาสนี้ นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FPI ได้เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2 ด้วยว่า ยังคงมีทิศทางสดใสต่อเนื่อง หนุนจากยอดส่งออกที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และการเติบโตจากธุรกิจในอินเดีย ทั้งบริษัท เอฟพีไอ ออโต้ พาร์ท อินเดีย และบริษัท อาร์บีเอส พลาสติก อินโนเวชั่น ที่ได้รับคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก อีกทั้งความสำเร็จในการปรับปรุงระบบการจัดการภายในทั้งหมด และการลงทุนเครื่องจักรใหม่ ยังช่วยให้สามารถรับคำสั่งซื้อในปริมาณที่มากขึ้น ช่วยเพิ่มงานในมือ (Backlog)ให้สูงขึ้นจากที่มีอยู่ 1,000 ล้านบาท สร้างการรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2571 รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าไปผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าในระยะต่อไป เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรายได้จากการส่งออกมีสัดส่วนสูงประมาณ 60-70% ของรายได้รวม ทั้งเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ตลอดจนช่วยสนับสนุนให้รายได้ปีนี้เติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 10% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ที่ 3,000 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้

สำหรับประเด็นสงครามการค้าของผู้นำสหรัฐฯ น่าจะมีผลต่อบริษัทฯ จำกัด เพราะตลาดสหรัฐฯ มีสัดส่วนรายได้เพียง 0.4% แต่พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้