1372 จำนวนผู้เข้าชม |
ดร. เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยแผนธุรกิจประจำปี 2568/69 (เริ่มเดือนเมษายนปีนี้ และสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีหน้า) ว่า จะให้ความสำคัญกับการรับมือภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกที่มีความไม่แน่นอนและผันผวนสูงตลอดทั้งปีนี้ ด้วยการเน้นรักษากระแสเงินสดให้สูงที่สุด ผ่านการบริหารต้นทุนอย่างเข้มงวด ทั้งการควบคุมค่าใช้จ่าย การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการพิจารณาทบทวนโครงสร้างต้นทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้พร้อมสำหรับการดำเนินงาน และสร้างโอกาสเติบโตในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายรักษาระดับรายได้จากการขายที่ 13,800 ล้านบาท และควบคุมอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้ในกรอบ 30 – 33%
โดยธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5% ด้วยการเพิ่มยอดขายสินค้าฉนวนกันความร้อน/เย็น เกรดพรีเมี่ยม ผ่านการมุ่งทำตลาดในประเทศ กับตลาดอเมริกา และญี่ปุ่น อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับสินค้าเพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรม Ultra Low Temperature Insulation และระบบ Air Ducting system ที่จะเน้นทำการตลาดมากขึ้นในอเมริกา หลังจากฉนวนของ Aeroflex ตอบโจทย์เรื่องการประหยัดพลังงานและการควบคุมอุณหภูมิ ทั้งในที่อยู่อาศัยและในภาคอุตสาหกรรม จนเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น และน่าจะได้ปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากแนวนโยบายย้ายฐานการผลิตกลับประเทศของผู้นำอเมริกา
ด้านธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายใกล้เคียงปีก่อน ผ่านการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มพลาสติก ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัยช่วยลดต้นทุนโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ และใช้เครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูงในกระบวนการผลิตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตสูงสุด รวมถึงพัฒนาทางเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษ เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบที่เข้มงวดในตลาดต่างประเทศมากขึ้น
ส่วนธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas พร้อมร่วมมือกับผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำเพื่อพัฒนาชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์น้ำหนักเบา ประหยัดพลังงาน ทั้งสำหรับยานยนต์สันดาป (ICE) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยอาศัยจุดแข็งด้านวัสดุนวัตกรรม การออกแบบ และกระบวนการผลิตขั้นสูง ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการผลิต ให้พร้อมแข่งขันในภาวะที่อุตสาหกรรมยานยนต์โลกชะลอตัว และมองหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจเพิ่มเติมเข้ามา ที่สำคัญ บริษัทฯ จะเร่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจในออสเตรเลียและแอฟริกาใต้ ให้สามารถฟื้นตัวได้เร็วที่สุด ซึ่งจะทำให้ยอดขายทั้งปีลดลงไม่เกิน 5%
สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาสสุดท้ายของปี 2567/68 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 249.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 49.2% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) หนุนจากความสำเร็จของแผนจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งผลิตหลายแหล่งช่วยให้ต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยลดลง เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้นเป็น 34.8% เทียบกับ 30.7% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 29.7% ในไตรมาสสุดท้ายปีก่อน อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 0.7% YoY และลดลง 2.3% QoQ หลักๆ จากค่าขนส่งในธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น กับธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ รวมถึงมีการตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทรงตัว YoY แต่ลดลง 69.5% QoQ มาอยู่ที่ 58.6 ล้านบาท ช่วยลดแรงกดดันจากรายได้จากการขายสินค้าที่ลดลง 8.3% YoY และลดลง 5.0% QoQ มาอยู่ที่ 3,219.3 ล้านบาท และการมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง YoY ได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ผลดำเนินงานประจำปี 2567/68 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 808 ล้านบาท ลดลง 33.2% จากปีก่อน ถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หลักๆ จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น จากทั้งกิจการในออสเตรเลีย และค่าใช้จ่ายในการขนขนส่งของธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น กับธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ รวมถึงการมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 198.9 ล้านบาท และตั้งสำรองผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากธุรกิจในแอฟริกาใต้อีก 324 ล้านบาท อีกทั้งยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าลดลง 39.6% ทั้งที่รายได้จากการขายสินค้าจะเพิ่มขึ้น 4.7% มาอยู่ที่ 13,789.8 ล้านบาท โดยสามารถเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจาก 32% ในปีก่อน ขึ้นมาเป็น 33.5% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในกรอบ 30-33%
โอกาสนี้ บริษัทฯ พร้อมจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานทั้งปี ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 1 สิงหาคมนี้ ก่อนจ่ายเงินตามมาในวันที่ 20 สิงหาคม