CBG เล็งปันผล 0.70 บาท ขึ้น XD 21 ส.ค. ขานรับกำไรไตรมาส 2 โตทั้ง YoY และ QoQ

1750 จำนวนผู้เข้าชม  | 

CBG  เล็งปันผล 0.70 บาท ขึ้น XD 21 ส.ค. ขานรับกำไรไตรมาส 2 โตทั้ง YoY และ QoQ




บมจ. คาราบาว กรุ๊ป (CBG) โชว์ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรปกติ 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสแรก (QoQ) และเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 2 ปีก่อน (YoY) โดยการเพิ่มขึ้น QoQ มีสาเหตุจากยอดขายที่เติบโต 5% มาอยู่ที่ 5,577 ล้านบาท หนุนจากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ อันเป็นผลจากการคงราคาขายปลีกที่ 10 บาท รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การกระจายสินค้าให้มีเครือข่ายที่ครอบคลุมเชืงลึกมากขึ้น ผ่านคู่ค้ารายย่อยระดับอำเภอและระดับตำบล และการเพิ่มจำนวนคู่ค้าสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง ผ่านพอร์ทสินค้าของคู่ค้ากลุ่มแอลกอฮอล์ เพื่อเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย ประกอบกับรายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกเติบโตดีต่อเนื่อง ตามความนิยมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเครือคาราบาวที่สูงขึ้น ส่วนการเพิ่มขึ้น YoY เป็นผลจากยอดขายที่เติบโต 13% ทั้งรายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่บุคคลภายนอกที่ขยายตัวดี และยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเพิ่มขึ้น แม้ว่ายอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศจะลดลงเล็กน้อย จากผลกระทบของการปิดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นตลาดหลักที่มียอดขายในสัดส่วน 60% ของยอดขายรวมท้งภูมิภาคอินโดจีน (CLMV) แต่สามารถชดเชยได้เกือบทั้งหมดจากยอดขายที่เติบโตในเมียนมา และเวียดนาม อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงหลังบริษัทฯ หมดสัญญาสนับสนุนสโมสรฟุตบอลในเวียดนามปลายปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 4.2% มาอยู่ที่ 14.4%

สำหรับผลดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากครึ่งแรกปีก่อน ทั้งที่ยอดขายโดยรวมจะเพิ่มเพียง 10% มาอยู่ที่ 10,905 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการทำกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องแม้ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลให้นายพงศานติ์ คล่องวัฒนกิจ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน CBG ออกมายืนยันว่า พร้อมจ่ายเงินปันผลจากผลดำเนินงานครึ่งปีแรก ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท กำหนดวันไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 21 สิงหาคมนี้ ก่อนจ่ายเงินปันผลตามมาในวันที่ 5 กันยายนที่จะถึงนี้   

ขณะที่ความพร้อมในการเดินเครื่องสายการผลิตในกัมพูชา คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในเดือนธันวาคมปีนี้ เร็วกว่าแผนที่วางไว้เดิมว่ะจะเริ่มในไตรมาสแรกปี 2569 ส่วนการเดินเครื่องสายการผลิตในเมียนมาน่าจะเริ่มได้ในเดือนสิงหาคมนี้ ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนลดลง พร้อมกับเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้สูงขึ้น  




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้