1655 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรปกติ 2,648 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสแรก (QoQ) สร้างสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 20% YoY และ 6% QoQ เป็น 18,776 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาสเช่นกัน ขับเคลื่อนจากการเติบโตในทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหมู ที่ขยายตัวจากทั้งราคาหมูในไทยและเวียดนามที่สูงขึ้น และปริมาณขายหมูในเวียดนามที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจไก่ ที่ได้แรงหนุนจากราคาไก่ที่สูงขึ้น และปริมาณขายไก่ในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น หลักๆ จากตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ธุรกิจขายอาหารสัตว์นอกเครือที่มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น หรือธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เพิ่มขึ้น และการขยายสาขาเพิ่ม 98 สาขาจากไตรมาส 2 ปีก่อน และ 32 สาขาจากไตรมาสแรก ผลักดันให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 20% YoY และ 6% QoQ ประกอบกับราคาอาหารสัตว์ที่ลดลง และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มจาก 14.4% ในไตรมาส 2 ปีก่อน และ 21.2% ในไตรมาสแรกปีนี้ ขึ้นมาอยู่ที่ 24% พร้อมกับหนุนให้ผลดำเนินงานครึ่งปีแรกเติบโตก้าวกระโดด เมื่อกำไรปกติขยายตัว 313% มาอยู่ที่ 4,762 ล้านบาท ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 19% เป็น 36,504 ล้านบาท ส่งผลให้เตรียมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลดำเนินงานครึ่งปีแรก ในอัตราหุ้นละ 0.225 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 22 สิงหาคมนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 5 กันยายน
ขณะเดียวกัน นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ TFG ได้ออกมาเปิดเผยทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลังด้วยว่า มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง จากยอดขายไก่และสุกรที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ขานรับ High Season ของธุรกิจ และการเดินหน้าขยายสาขาร้านค้าปลีกไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต เพิ่มเป็น 600 สาขาในสิ้นปีนี้ ช่วยผลักดันรายได้จากธุรกิจค้าปลีกให้เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) อิงจากยอดขายเฉลี่ยวันละ 1.7 แสนบาทต่อสาขา อีกทั้งราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ยังไม่มีแนวโน้มการฟื้นตัว หนุนให้ให้อัตรากำไรขั้นต้นยืนในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้สามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ตามแผนที่วางไว้ ก่อนเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
จากแผนขยายธุรกิจในเวียดนามในปี 2569 ด้วยการเพิ่มปริมาณเลี้ยงหมู 15-20% และการทำ 2 ธุรกิจใหม่ ธุรกิจไก่ กับธุรกิจอาหารสัตว์ เพื่อเพิ่มขอบเขตการดำเนินธุรกิจให้ครบวงจรมากขึ้น ส่งผลดีต่อการบริหารต้นทุน และการขยายฐานได้ เห็นผลชัดเจนในปี 2570 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมขยายสาขาร้านค้าปลีกเชิงรุกมากขึ้น โดยตั้งเป้าขยายสาขาปีหน้าเพิ่มเป็น 850 สาขา เพื่อเพิ่มสัดส่วนยอดขายเป็น 40% ตามเป้าหมายที่วางไว้ และเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผน 3 ปี เพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้เป็น 5 หมื่นล้านบาท และผลักดันธุรกิจค้าปลีกเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2571
สำหรับผลการเจรจาการค้ากับอเมริกา ที่ไทยยอมเปิดให้มีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์โดยไม่เก็บภาษี ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลดต้นทุนให้กับธุรกิจปศุสัตว์ไทย และหากเริ่มมีการนำเข้าหมูแช่แข็งจากอเมริกาเข้ามา คงส่งผลกระทบจำกัด เพราะต้องใช้เวลาในการกำหนดกระบวนการนำเข้าเนื้อหมูที่ไม่มีสารเร่งเนื้อแดง อีกทั้งตลาดนี้ยังมีสัดส่วนเพียง 1% ของการบริโภคโดยรวม อย่างไรก็ดี ทุกอยางน่าจะเห็นผลชัดเจนขึ้นในอีก 6 - 12 เดือนข้างหน้า