1565 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. สกาย ไอซีที (SKY) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ตามรายได้ที่เติบโตทั้งในกลุ่มธุรกิจจำหน่ายและวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบเบ็ดเสร็จ ผ่าน บมจ. โปร อินไซด์ (PIS) และกลุ่มธุรกิจให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับกิจการการบิน บริการดูแลและบำรุงรักษา บริการดูแลความปลอดภัยและบริหารอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ ผ่านบริษัท เมทเธียร์ (METTHIER) หรือชื่อเดิม บริษัท SAMCO อีกทั้งยังมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการงานลูกค้าสัมพันธ์ ของบริษัท สกาย ซีซี (SKY CC) หรือชื่อเดิมบริษัท วันทูวัน โปรเฟสชั่นแนล (OTP) ซึ่งได้เข้าลงทุนเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 62% มาอยู่ที่ 2,629 ล้านบาท พร้อมกับผลักดันให้ผลดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้เติบโตดีขึ้นจากครึ่งแรกปีก่อน โดยกำไรสุทธิเติบโต 84% มาอยู่ที่ 405 ล้านบาท ตามรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 66% เป็น 5,020 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น กลับถูกกดดันจากต้นทุนการให้บริการที่สูงขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น ปรับลดลงจาก 21.4% ในครึ่งแรกปีก่อน มาอยู่ที่ 16.7% ทำให้นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SKY ยืนยันว่า พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจของแต่ละหน่วยธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น สามารถสร้างรายได้ครอบคลุมทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้ประจำจากการให้บริการรายเดือน (Recurring Revenue) การสร้างรายได้ระยะกลางจากรูปแบบสัญญาโครงการ (Project Based) หรือการสร้างรายได้ระยะยาวจากสัญญาสัมปทาน (Concession) เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน รวมถึงมองหาโอกาสใหม่ในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งได้มีการวางแผนปรับโครงสร้างธุรกิจภายในเครือ รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และเทคโนโลยี เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนในวงกว้างมากขึ้น
สำหรับภาพระยะสั้น บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่า จะสามารถผลักดันรายได้ทั้งปีแตะ 6,800 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ สาเหตุจากกลุ่มบริษัทฯ ได้รับสัญญาใหม่หลายโครงการ และมีงานที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบตามสัญญา (Backlog) รวม 23,463 ล้านบาท ทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องถึง 6-7 ปีข้างหน้า รองรับการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว