INVX มองตลาดหุ้นไตรมาสสุดท้ายโดดเด่นมากขึ้น แต่ควรกระจายพอร์ตลงทุนต่อไป

1841 จำนวนผู้เข้าชม  | 

INVX มองตลาดหุ้นไตรมาสสุดท้ายโดดเด่นมากขึ้น แต่ควรกระจายพอร์ตลงทุนต่อไป


 

 

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ (INVX) ประเมินภาพรวมการลงทุนไตรมาสสุดท้ายปี 2568 ว่า มีสัญญาณบวกมากขึ้น หลังจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น เมื่ออัตราภาษีที่ประกาศใช้ต่ำกว่าเดิม โดยประเทศพัฒนาแล้วถูกเก็บราว 15% ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 19–20% หนุนให้บรรยากาศการค้ากลับมาคึกคักขึ้น ถึงแม้จะมีแรงกดดันจากการชะลอตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ไม่มีสัญญาณจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) แต่อย่างใด อีกทั้งยังได้แรงส่งสำคัญ ทั้งจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เร็วและแรงกว่าคาด และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วยให้การลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ รวมถึงไทย ซึ่งได้ปัจจัยบวกใหม่จากความชัดเจนทางการเมือง และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาลใหม่ ช่วยกระตุ้นบรรยากาศโดยรวมให้สดใสขึ้น ถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะถูกกดดันจากภาคส่งออก ปัญหาหนี้ครัวเรือน และกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ ฉุดให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม การลงทุนยังต้องให้ความสำคัญกับการกระจายพอร์ตในสินทรัพย์ทุกประเภท ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทน ควบคู่ไปกับการลดความผันผวนในระยะยาว

สำหรับตลาดหุ้นไทย แม้จะมีความเสี่ยงขาลงจำกัด แต่ Upside ก็ไม่ได้เปิดกว้างนัก โดยค่ายสีม่วงคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,350–1,400 จุด และมีจุดเข้าซื้อ บริเวณดัชนี 1,200 จุด  ส่งผลให้กลยุทธ์การลงทุน จำเป็นต้องเน้นลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ ในธีม Domestic Plays เป็นหลัก ประกอบด้วยหุ้นที่ได้อานิสงส์จากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ เพิ่มความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยให้สูงขึ้น หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง เพราะหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ นอกจากจะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดหมายในระยะสั้นได้แล้ว ยังสามารถหาผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจในระยะกลาง ถึงระยะยาวได้ โดยเมื่อพิจารณาจากราคาหุ้น และมูลค่าพื้นฐานที่สมเหตุสมผล ค่าย INVX ยกให้หุ้น AP, CENTEL, DIF, HMPRO HMPRO และ MTC เป็นหุ้น Top pick ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้  

 

 

 

 



สำหรับหุ้นโลก แนะนำให้ลงทุนในธีมหุ้นวัฏจักร อย่างตลาดหุ้นอเมริกา ให้เน้นหุ้นคุณภาพสูง หรือหุ้นที่อิงดัชนี S&P 500 แบบ Equal Weight ในธีม Catch up play นำโดย TSLA, MSFT, NVDA, AAPL, RTX, JPM ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ให้น้ำหนักกับหุ้นที่ได้แรงหนุนจากมาตรการการคลัง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงหุ้นที่ได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า อย่าง ASML, LVMH, BAE System, ABB, BNP Paribas และ L’Oreal ขณะที่ตลาดหุ้นจีน ยังคงแนะนำลงทุนต่อเนื่องเหมือนช่วงต้นปี ได้แก่หุ้น Tencent, Alibaba, SMIC, Trip.com, HKEX, Lenovo, Xpeng/Zeekr หรือ DR ของหุ้นเหล่านี้ 

 

 

 

 

 



ขณะที่ตราสารหนี้ แนะนำลงทุนระยะสั้น ถึงระยะกลาง เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของพันธบัตรระยะยาว ส่วนสินทรัพย์ทางเลือก ทองคำยังเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับ REITs ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและเศรษฐกิจโลกฟื้น ให้น้ำหนักกับ REITs ไทยเป็นหลัก เพราะมีความน่าสนใจเรื่องอัตราเงินปันผลที่สูงกว่า

นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถใช้กองทุนรวมเป็นทางเลือกในการลงทุนสินทรัพย์ต่างๆ เหล่านี้ ซึ่ง INVX แนะนำกองทุน KFCSI300-A เป็นตัวเลือกในการลงทุนหุ้นจีน กองทุน ES-EG-A เป็นตัวเลือกในการลงทุนหุ้นยุโรป และกองทุน UOBSG-H เป็นตัวเลือกในการลงทุนทองคำ

 

 

 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้