MASTEC เคาะราคา IPO ที่ 1.45 บาท เปิดจอง 17, 20-21 ต.ค. ก่อนเข้าซื้อขายว้นแรก 27 ต.ค.นี้

1189 จำนวนผู้เข้าชม  | 

MASTEC เคาะราคา IPO ที่ 1.45 บาท เปิดจอง 17, 20-21 ต.ค. ก่อนเข้าซื้อขายว้นแรก 27 ต.ค.นี้

 

 

 

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย (PST) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บมจ. แมสเทค ลิ้งค์ (MASTEC) เปิดเผยว่า พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 79 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.3% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมด ที่ราคาหุ้นละ 1.45 บาท จากราคาพาร์ หุ้นละ 0.50 บาท ระหว่างวันที่ 17 และ 20-21 ตุลาคมนี้ ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 ราย คือ บมจ. หลักทรัพย์ ไอร่า (AIRA) บมจ. หลักทรัพย์ บียอนด์ (BYOND) และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBS) คาดว่า จะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 27 ตุลาคมนี้

สำหรับการตั้งราคา IPO ใช้วิธีอัตราส่วนราคาต่อหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) โดยพิจารณาจากกำไรสุทธิย้อนหลัง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2567 ถึงไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งอยู่ที่ 9.06 เท่า สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และศักยภาพการเติบโต จากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายโอกาสทางธุรกิจ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านวิศวกรรมสำหรับตลาดอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และเป็นเงินทุนรองรับธุรกิจใน Synergy Products ของกลุ่มผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัย รวมถึงขยายช่องทางการตลาดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า MASTEC มีศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง จากจุดแข็งเรื่องศักยภาพของทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการ และประสบการณ์ในธุรกิจนำเข้าและจัดหาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมเพื่อจำหน่าย และให้บริการโซลูชั่น ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล ผลิตภัณฑ์ป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ความปลอดภัย กับผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่ยาวนานกว่า 25 ปี ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากซัพพลายเออร์ชั้นนำให้เป็นตัวแทนจำหน่ายกว่า 30 แบรนด์ อย่างแบรนด์ VIKING, REFLEX, NIHON SPINDLE ในจำนวนนี้เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Distributor) รวม 6 แบรนด์ ประกอบด้วยแบรนด์ FRESE, FIVALCO, CHANGDER, FIREGUARD, ECO-WATER/ENVIROSWIM และ BOCA อีกทั้งยังมีศักยภาพในการจัดหาผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากซัพพลายเออร์กว่า 150 แบรนด์ รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตัวเอง ทั้งผลิตภัณฑ์วาล์วที่ใช้ในระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล แบรนด์ VALOR และอุปกรณ์ตู้ดับเพลิง แบรนด์ ZERO FIRE ช่วยผลักดันให้ผลดำเนินงานเติบโตอย่างมั่นคง แม้จะมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน สร้างแรงกดดันต่อธุรกิจช่วง 2 ปีล่าสุด (ปี 2566-67) ดูได้จากความสามารถรักษาฐานรายได้จากการดำเนินงานและกำไรให้ประคองตัวไม่ต่ำกว่า 930 ล้านบาท และ 40 ล้านบาท ตามลำดับ

ประการสำคัญ การได้เงินจากการระดมทุนมาใช้ขยายโอกาสทางธุรกิจ จากการรุกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้านวิศวกรรมสำหรับตลาดอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม จะเป็น New S-Curve ที่ช่วยผลักดันให้ผลดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พร้อมกับขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เน้นไปที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ยังจะทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เดิม ทั้งผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล และผลิตภัณฑ์ป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น    


 

 

 




ส่วนนายดุษฎี มีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTEC เสริมว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจในระยะยาว เพื่อยกระดับขึ้นเป็นผู้นำโซลูชั่นเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมงานระบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งการให้บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ซ่อมแซมและบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด สอดรับกับงบประมาณของลูกค้า 

ขณะเดียวกัน การนำเงินลงทุนเกือบครึ่งหนึ่งของเม็ดเงินทั้งหมด ไปใช้ขยายโอกาสทางธุรกิจจากกลุ่มผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง และเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อการประหยัดพลังงานสำหรับระบบปรับอากาศ ในดาต้าเซ็นเตอร์ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า อาคารผู้โดยสารสนามบิน รถไฟฟ้ามวลชน อุปกรณ์ประกอบระบบโซลาร์เซลล์ ทั้งแผ่น Solar Cell, Inverter, Mounting Equipment, PV Cable, Battery สำหรับภาคครัวเรือน อาคารพาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม และอุปกรณ์ประกอบระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ที่มีมาตรฐานสูงพร้อมระบบ Web Application เพื่อการบริหารจัดการให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและรายงานสถานะการใช้งาน Real Time บน Platform Online จะช่วยผลักดันให้ผลดำเนินงานช่วง 3-5 ปีนี้ สามารถเติบโตก้าวกระโดด พร้อมกับสร้างสมดุลของโครงสร้างรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการพึ่งพิงรายได้จากผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งมากจนเกินไป ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้