930 จำนวนผู้เข้าชม |
นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ บมจ. ลอนดรี้ ยู (WASH) หนึ่งในผู้นำร้านสะอาดซักครบวงจรของไทย ภายใต้แบรนด์ WAHXprss เปิดเผยว่า พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 105.88 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมด ที่ราคาหุ้นละ 7.50 บาท จากราคาพาร์ หุ้นละ 0.50 บาท ระหว่างวันที่ 24 และ 27-28 ตุลาคมนี้ ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 4 ราย คือ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) บมจ. หลักทรัพย์ กรุงศรี (KSS) บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) และ บมจ. หลักทรัพย์ ดาโอ ประเทศไทย (DAOL) คาดว่า จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับการตั้งราคา IPO ใช้วิธีอัตราส่วนราคาต่อหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) โดยพิจารณาจากกำไรสุทธิย้อนหลัง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งอยู่ที่ 20.83 เท่า ถือได้ว่าสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น เข้าข่ายหุ้นเติบโตสูง (Growth Stock) จากโมเดลธุรกิจ Owner-Operator ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นในตลาด แต่เป็นหนึ่งในผู้นำที่ร่วมกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมร้านสะดวกซัก ซึ่งเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่มีศักยภาพการเติบโตแบบก้าวกระโดด ดูได้จากมูลค่าตลาดที่ขยายตัวจาก 3,000 ล้านบาทในปี 2563 ขึ้นมาเป็น 13,500 ล้านบาทในปี 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากสามารถตอบไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ที่มีแนวโน้มเป็นครอบครัวเดี่ยว (Nuclear Family) และมีความต้องการบริการที่สะดวก ประหยัดเวลา และมีคุณภาพสูงกว่าการซักผ้าที่บ้าน อีกทั้งสอดรับกับการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) การเติบโตของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว กระตุ้นให้ความต้องการบริการซักผ้าในปริมาณมาก ผ่านร้านสะดวกซัก มีการเติบโตโดดเด่นและรวดเร็วที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และร้านซักรีดทั่วไป
ด้านนายกวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง WASH ชี้แจงว่า การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทฯ เติบโตก้าวกระโดด พร้อมทะยานขึ้นเป็นผู้นำร้านสะอาดซักครบวงจรของไทย ทั้งจากการยกระดับภาพลักษณ์องค์กร การเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ WAHXprss ในตลาด และการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจช่วง 2 ปีนี้ แบ่งป็นการลงทุนเพื่อขยายสาขาร้านสะดวกซัก WashXpress ของบริษัทฯ เอง ไม่น้อยกว่า 160 สาขา เน้นไปที่ทำเลศักยภาพสูง เช่น กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงภูมิภาคสำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และลงทุนเพื่อยกระดับ (Upgrade) ร้านสะดวกซักสาขาเดิม ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตของรายได้และกำไรให้แข็งแกร่งมากขึ้น

ปัจจุบัน WASH มีสาขาครอบคลุม 21 จังหวัด รวม 516 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นสาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ 436 สาขา ที่เหลือ 80 สาขาเป็นแฟรนไชส์ (ไม่มีการเพิ่มอีก นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา) โดยการเติบโตของสาขาใช้เวลาเพียง 6 ปีกว่าๆ นับจากตั้งบริษัทฯ ขึ้นมาในปี 2561 ขณะที่ผลดำเนินงาน 3 ปีล่าสุด (ปี 2565-67) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านรายได้และกำไร โดยรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 25% จาก 464.47 ล้านบาท ในปี 2565 เป็น 657.06 ล้านบาท ในปี 2566 และ 823.58 ล้านบาท ในปี 2567 ส่วนกำไรเพิ่มจาก 59.31 ล้านบาท เป็น 67.28 ล้านบาท และ 83.47 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอ้ตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 13.6% และสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิได้สูงกว่า 10% อย่างต่อเนื่อง
ส่วนนายชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ และผู้ร่วมก่อตั้ง WASH เสริมว่า การกำหนด Business Model ที่มุ่งเน้นขยายสาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของเอง ทำให้สามารถขยายสาขาที่มีมาตรฐานเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัวในการออกแบบและปรับเปลี่ยนโปรโมชัน และการทำการตลาด รวมถึงการจัดตั้งศูนย์บริการลูกค้าให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง และมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่จากทุกสาขาที่สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาธุรกิจ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความแตกต่าง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ นำเอาเทคโนโลนีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชัน WashXpress ช่วยยกระดับประสบการณ์การซักผ้าให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งการค้นหาร้านใกล้บ้าน การตรวจสอบสถานะเครื่องซัก-อบผ้าแบบเรียลไทม์ พร้อมรับการแจ้งเตือนเมื่อซักเสร็จ เช็กโปรโมชันและสิทธิพิเศษที่อัปเดตอยู่เสมอ พร้อมระบบชำระเงินแบบไร้เงินสด (Cashless Payment) ที่รองรับหลากหลายช่องทาง รวมถึงบริการฝากซัก-อบ-พับผ่านแอพพลิเคชัน ส่งผลให้สามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสะดวกต่อการเพิ่มบริการใหม่ อาทิ ซักอบพับ บริการรับรีด บริการรับจ้างซักอบรีดในปริมาณมากสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) ตลอดจนการเพิ่มบริการรับ-ส่งผ้าในอนาคต เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่มีบริการครบวงจร ผลักดันการเติบโตแบบก้าวกระโดด และยั่งยืนในระยะยาว