SMO เคาะราคา IPO 5.50 บาท เปิดจอง 31 ต.ค.- 4 พ.ย.ก่อนดีเดย์ซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 10 พ.ย.

1976 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SMO เคาะราคา IPO 5.50 บาท เปิดจอง 31 ต.ค.- 4 พ.ย.ก่อนดีเดย์ซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 10 พ.ย.


 

 

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บมจ. กลุ่มสมอทอง (SMO) เปิดเผยว่า พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (PO) จำนวน 231.4 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.17% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมด ที่ราคาหุ้นละ 5.40 บาท จากราคาพาร์ หุ้นละ 1 บาท ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม และ 3 – 4 พฤศจิกายนนี้ ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 11 ราย คือ บมจ. หลักทรัพย์ ดาโอ ประเทศไทย (DAOL) บมจ. หลักทรัพย์ ไอร่า (AIRA) บมจ. หลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย (UOBKH) บมจ. หลักทรัพย์ กรุงศรี (KSS) บมจ. หลักทรัพย์ พาย (Pi)  บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (CGSI) บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBS) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (KTX) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASP) คาดว่า จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้

สำหรับการตั้งราคา IPO ใช้วิธีอัตราส่วนราคาต่อหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) โดยพิจารณาจากกำไรสุทธิย้อนหลัง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งอยู่ที่ 7.6 เท่า ถือได้ว่าสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และศักยภาพการเติบโต เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ที่มี P/E เฉลี่ยที่ 9.8 เท่า ทำให้มั่นใจว่า นักลงทุนจะให้การตอบรับการเสนอขายหุ้นเป็นอย่างดี

ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน ชี้แจงว่า SMO เป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง โครงสร้างทางการเงินมั่นคง มีผู้บริหารที่มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญในธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบรอบด้าน ทำให้สามารถพัฒนาธุรกิจให้เติบโตก้าวกระโดดในระยะเวลา 15 ปี ด้วยกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ และช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ผลักดันให้ยอดขายเติบโตขึ้นมาในระดับพันล้านบาท โดยช่วง 3 ปีล่าสุด (ปี 2565-67) ยอดขายสูงกว่า 5,800 ล้านบาท มาโดยตลอด ส่งผลให้กำไรเติบโตเป็นลำดับ ขึ้นมาที่ระดับ 260 ล้านบาท อีกทั้งมีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่นต่อเนื่อง จากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้ขยายกำลังการผลิต ลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรฐานน้ำมันปาล์มยั่งยืน (RSPO) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน จากการมีช่องทางรับซื้อผลปาล์มที่ครอบคลุมมากขึ้น สอดรับกับการมีกำลังการผลิตใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ เห็นผลชัดเจนในปี 2571 รวมถึงการนำเงินบางส่วนชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับลดลงต่ำกว่า 0.8 เท่า สร้างความเข้มแข็งทางการเงิน ตอกย้ำโอกาสในการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMO เสริมว่า บริษัทฯ มีกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่างและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น ทำเลที่ตั้งของโรงงานในจุดยุทธศาสตร์ที่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ 4 แห่ง ได้แก่ โรงงานที่ อ. ท่าชนะ และ อ. พนม จ. สุราษฎร์ธานี โรงงานที่ จ. สระบุรี และโรงงาน AL ที่ จ. ชุมพร ทำให้มีกำลังการผลิตรวมกว่า 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง หรือการมีช่องทางในการขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการขาย ประกอบกับมีฐานลูกค้าเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้สามารถการันตียอดขายได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ การลงทุนขยายกำลังการผลิตในโรงงาน อ. พนม เพิ่มอีกเท่าตัว เป็น 150 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ยังจะทำให้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น 30% เป็น 315 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง เห็นผลตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2569 เป็นต้นไป สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามสัญญารวม 12.7 เมกะวัตต์ (MW) จากกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 14.38 MW ทำให้มีฐานรายได้ประจำเข้ามาช่วยสนับสนุนผลดำเนินงานให้เติบโตได้ในอีกทางหนึ่ง และสามารถใช้ไฟฟ้าส่วนที่เหลือมาใช้ในกระบวนการผลิต ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้ตามมา

ประการสำคัญ การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เพียงจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการก้าวสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จากแผนขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ ผ่านการขยายโรงงานผลิตแห่งใหม่ไปยังพื้นที่อื่นเพิ่มเติมจากที่มี 4 แห่ง และเพิ่มจุดรับซื้อปาล์มให้มากกว่าที่มี 50 แห่งในปัจจุบัน จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรม รวมทั้งลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างธุรกิจโดยรวม

และเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน กลุ่มผู้ถือหุ้นหลักทั้ง 3 ครอบครัว คือ ครอบครัวพวงมาลา ครอบครัวพิริเยศยางกูร และครอบครัวลัม พร้อม Lock-Up ทั้งหมด ตอกย้ำความมั่นใจทิศทางการเติบโตระยะยาวของบริษัทฯ ทำให้ในการซื้อขายวันแรก จะมีปริมาณหุ้นหมุนเวียน เพียงแค่หุ้น IPO และหุ้นในมือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นรายย่อย ที่ไม่ติดเกณฑ์การห้ามขายหุ้น (Silent Period) เพียง 3% เท่านั้น

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้