SINO มุ่งขยายรายได้จาก Air Freight และ Logistics Support รับมือค่าระวางเรือขาลง ฉุดรายได้จาก Sea Freight หดตัว

1212 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SINO มุ่งขยายรายได้จาก Air Freight และ Logistics Support รับมือค่าระวางเรือขาลง ฉุดรายได้จาก Sea Freight หดตัว




นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจไตรมาสสุดท้ายปี 2568 ว่า ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย และเร่งขยายรายได้จากการให้บริการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) กับบริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์ (Logistics Support Services) โดยเฉพาะการให้บริการคลังสินค้า อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร (ROE) ให้สูงกว่าที่ทำได้ 9.8% ในปีก่อน และช่วยลดผลกระทบจากการหดตัวของรายได้จากการให้บริการขนส่งทางเรือ (Sea Freight) ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของอเมริกา และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า ฉุดให้ค่าระวางเรือแกว่งตัวเป็นขาลงเกือบทั้งปี พร้อมทั้งกดดันให้เกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง ส่งผลให้ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ อ่อนแอกว่างวดไตรมาส 3 ปีก่อนกว่า 40%โดยรายได้ลดลง 46% มาอยู่ที่ 744 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 43% เหลือ 21 ล้านบาท ส่งผลให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เมื่อรายได้รวมลดลง 22% มาที่ 2,252 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มเพียง 9% เป็น 60 ล้านบาท  

สำหรับแนวโน้มรายได้งวดไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า จะเห็นรายได้จากการขนส่งทางอากาศ และการให้บริการคลังสินค้าเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา สร้างสถิติเติบโตรายไตรมาสอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดการพึ่งพารายได้จากการขนส่งทางเรือ ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากการขนส่งทางเรือเริ่มปรับลงมาต่ำกว่า 93%     

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาว บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาบริการให้มีความครบวงจร มีการยกระดับคุณภาพในการให้บริการ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการงานบัญชีและการเงิน และการบริหารกระบวนการขนส่งให้มีความรวดเร็ว แม่นยำ สามารถติดตามสถานการณ์การจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงเร่งขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการฟื้นตัวของตลาดในระยะสั้น และเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งที่สามารถตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้อย่างตรงจุด ในระยะยาว

และล่าสุด บริษัทฯ กำลังหารือกับพันธมิตรในการขยายคลังสินค้าใหม่อีก 2 แห่ง พื้นที่รวม 10,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นคลังสินค้าปลอดอากร (Free Zone Warehouse) และคลังสินค้าทั่วไป (General Warehouse) อย่างละครึ่ง ในทำเลย่านบางนา-ตราด ซึ่งมีความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ ช่วยลดการพึ่งพิงรายได้จาก Sea Freight ตามกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวที่กำหนดไว้





 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้