1538 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2568 มีกำไรสุทธิ 367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 29% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยหากตัดรายการพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน และการปรับมูลค่าอนุพันธ์ออกไป กำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 389 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% YoY และเพิ่มขึ้น 14% QoQ ผลจากจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ทั้งโครงการพลังงานลม โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ในประเทศ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ในประเทศที่เติบโตก้าวกระโดด ช่วยลดผลกระทบจากการลดลงของรายได้จากธุรกิจรับเหมาวิศวกรรมไฟฟ้าและอินฟราสตรัคเจอร์ (EPC) กับธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ส่วนหนึ่ง ส่งผลให้รายได้รวมลดลง 21% YoY แต่ดีขึ้นเล็กน้อย QoQ มาอยู่ที่ 2,096.62 ล้านบาท ขณะเดียวกัน การบริหารต้นทุนงาน EPC และค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่ดีขึ้น ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 28.1% ในไตรมาสแรกปีก่อน เป็น 30.5% ต่ำกว่าไตรมาสสุดท้ายปีก่อนที่ทำได้ 32.2% เพียงเล็กน้อย พร้อมกับหนุนให้ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด มีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 77% ของรายได้รวม ส่วนธุรกิจ EPC กับธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า มีสัดส่วนรายได้ที่ 11% ของรายได้รวม เท่ากัน
กำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรก ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 28 พฤษภาคม และกำหนดจ่ายเงินวันที่ 13 มิถุนายนนี้ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนราว 4.9% อิงราคาหุ้นที่ 1.62 บาท
ขณะเดียวกัน นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า จะเห็นการเติบโตของรายได้จากธุรกิจ EPC และธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างโดดเด่นในครึ่งปีหลัง หนุนจากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีสูงกว่า 3,500 ล้านบาท และการได้งานใหม่ๆ เพิ่มจากทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการขยายขอบข่ายการดำเนินธุรกิจ โดยธุรกิจ EPC จะรุกสู่ตลาดไฟฟ้าแรงดันสูง 115 kV-500 kV ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีคู่แข่งน้อยราย พร้อมกับหาโอกาสใหม่ๆ จากธุรกิจวางสายส่งระบบสื่อสาร ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ พร้อมขยายตลาดอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงดันระดับกลางจนถึงแรงดันสูง เพื่อรองรับการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด เพิ่มเติมเข้ามา ช่วยสนับสนุนให้รายได้ 3 ปีนี้ (ปี 2568-70) เติบโตปีหนึ่งๆ ไม่ตํ่ากว่า 10-15% ตามแผนที่วางไว้
ประการสำคัญ การพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดจากการประมูลโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบที่ 2 กำลังการผลิตรวม 832 MW พร้อมจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป สามารถลดผลกระทบจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ซึ่งจะทยอยหมดอายุลงตั้งแต่ต้นปี 2570 ได้ทั้งหมด อีกทั้งยังจะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโตเป็นเท่าตัว เห็นผลตั้งแต่ปี 2573 ส่งผลให้บริษัทฯ มีขีดความสามารถการทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ ในระยะกลาง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด ทั้งจากการประมูลโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบที่ 3 กำลังการผลิตกว่า 319 MW และการขยายพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเป็น 2,000 MW ตามกลยุทธ์ 3 ปีที่วางไว้ รวมถึงขยายโอกาสใหม่ๆ จากการรุกเข้าสู่ธุรกิจซื้อขายไฟโดยตรง (Direct PPA) การต่อยอดธุรกิจแบตเตอรี่ ทั้งในเชิงพาณิชย์และระดับโครงข่าย ตลอดจนธุรกิจพลังงานสีเขียวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น การผลิตไฟฟ้าจากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Reactor Modular: SMR) หรือการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสีเขียว (Green hydrogen) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมกับยกระดับการดำเนินธุรกิจขึ้นเป็นพันธมิตรด้านพลังงานสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานแห่งภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้มีการวางแผนจัดการทางการเงินไว้ล่วงหน้าแล้ว