1121 จำนวนผู้เข้าชม |
นายจอมทรัพย์ โลจายะ (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนางกุลชลี นันทสุขเกษม (ซ้าย) ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานสนับสนุนธุรกิจ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจครึ่งหลังปี 2568 ผ่านงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ประจำงวดไตรมาส 2 ว่า มีแนวโน้มสดใสกว่าครึ่งปีแรก จากปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น การทยอยเดินเครื่องเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Bac Lieu (กำลังการผลิต 141 เมกะวัตต์) และโครงการ Soc Trang (กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์) ช่วงปลายปี ตลอดจนการเดินหน้าสร้างการเติบโตในธุรกิจพลังงานทดแทน ด้วยการขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตร ตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย เพื่อรักษาความสามารถในการเติบโตของรายได้และกำไรที่เป็นเงินสด (EBITDA) ให้ดีต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ EBITDA Margin อยู่ไม่ต่ำกว่า 81% อย่างที่ทำได้ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,093.47 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการจำหน่ายหุ้นในบริษัทย่อย SUNFLOWER ในปีก่อน ส่งผลให้รายได้จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยลดลง อีกทั้งในไตรมาส 2 ปีนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ ยังถูกกดดันจากความเข้มแสงที่น้อยลงฉุดให้ผลิตไฟฟ้าได้ปริมาณลดลง
ประการสำคัญ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะเงินสกุลดองเวียดนามที่อ่อนค่าลง เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ยังทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 655.31 ล้านบาท กดดันให้ผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 751.35 ล้านบาท และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ยังส่งผลต่อเนื่องให้ผลดำเนินงานครึ่งปีแรกทรุดตัวลงจากครึ่งแรกปีก่อนกว่า 2 เท่าตัว โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 586.27 ล้านบาท ทั้งที่รายได้รวมจะลดลง 16.5% มาที่ 4,454.19 ล้านบาท
กระนั้น การที่บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี FTSE SET Index กลุ่ม Micro Cap ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนนี้เป็นต้นไป สามารถบ่งชี่้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดแบบยั่งยืน เฉพาะปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก 1,486.71 เมกะวัตต์ เป็น 1,657.71 เมกะวัตต์ ขณะที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามปริมาณเสนอขายทั้งสิ้น 2,169.39 เมกะวัตต์