BGRIM มั่นใจ ผลงานครึ่งหลังปี 2568 โตแกร่ง จากหลายปัจจัยบวก

1614 จำนวนผู้เข้าชม  | 

BGRIM มั่นใจ ผลงานครึ่งหลังปี 2568 โตแกร่ง จากหลายปัจจัยบวก


 

 

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจครึ่งหลังปี 2568 ว่า น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก หนุนจากหลายปัจจัย ทั้งการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากการลดค่าไฟโดยตรง มาสู่การลดค่าไฟผ่านการปรับโครงสร้างก๊าซ หนุนให้ส่วนต่างระหว่างค่าไฟฟ้าเทียบกับราคาก๊าซ (Spark spread) ค่อยๆ กลับสู่ระดับปกติ ก่อนปี 2565 ช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น รวมถึงปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 40-50 MW ทั้งจากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมของพันธมิตรหลัก บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) และการทยอยเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ประเดิมด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ARECO ในฟิลิปปินส์ กำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ (MW) และเริ่มรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Nakwol 1 ในเกาหลีใต้ กำลังการผลิต 100 MW จากกำลังการผลิตรวม 365 MW สิ้นปีนี้ และโครงการดาต้า เซ็นเตอร์ ขณะที่ข้อพิพาทเรื่องอัตราค่าไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น จากการที่การไฟฟ้าลาว (EDL) เตรียมเปิดเจรจาในเร็วๆ นี้  

ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆ ที่มีในมือ และการลงทุนโครงการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็น 10,000 MW ในปี 2573 ตามแผนที่วางไว้

 

 

 

 


สำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 6.8 ล้านบาท ทรุดตัว 97% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และทรุดตัว 99% จากไตรมาสแรกปีนี้ (QoQ) ถูกกดดันจากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงถึง 468.2 ล้านบาท แต่หากหักรายการพิเศษออกไป กำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 475 ล้านบาท ลดลง 21% YoY และลดลง 37% QoQ  ถูกกดดันจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยที่สูงขึ้น ตามการเรียกคืนค่าก๊าซธรรมชาติค้างชำระ (AF gas) ของ บมจ. ปตท. (PTT) และค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) เฉลี่ยที่ลดลง ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายในกาขายและบริหาร (SG&A) ทั้งที่รายได้จากการขายไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 8% YoY และ 8% QoQ มาอยู่ที่ 14,511 ล้านบาท ตามปริมาณขายไฟฟ้าโดยรวมที่เพิ่มขึ้น และมีรายได้จากการขายไอน้ำ และการให้บริการจะเพิ่มขึ้น 124% YoY และ 91% QoQ มาอยู่ที่ 557 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การที่ผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ช่วยผลักดันให้ผลดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้เติบโตดีกว่าครึ่งแรกปีก่อน โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 9% มาอยู่ที่ 661 ล้านบาท แต่หากตัดรายการพิเศษออกไป จะมีกำไรจากการดำเนินงาน 1,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากครึ่งแรกปีก่อน ตามรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 3% เป็น 28,773 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 26 สิงหาคม ก่อนจ่ายเงินตามมาในวันที่ 10 กันยายน

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้