1365 จำนวนผู้เข้าชม |
นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. ลอนดรี้ ยู (WASH) หนึ่งในผู้นำร้านสะอาดซักครบวงจรของไทย ภายใต้แบรนด์ WAHXprss เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 105.88 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ที่ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจช่วง 2 ปีนี้ แบ่งป็นการลงทุนเพื่อขยายสาขาร้านสะดวกซัก WashXpress ของบริษัทฯ ไม่น้อยกว่า 160 สาขา (เน้นไปที่พื้นที่ที่มีศักยภาพสูง เช่น กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงภูมิภาคสำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก) และลงทุนเพื่อยกระดับ (Upgrade) ร้านสะดวกซักสาขาเดิม ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตของรายได้และกำไรให้แข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมทะยานขึ้นเป็นผู้นำร้านสะอาดซักครบวงจรของไทย
ปัจจุบัน WASH มีสาขาครอบคลุม 21 จังหวัด รวม 516 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นสาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ 436 สาขา ที่เหลือ 80 สาขาเป็นแฟรนไชส์ (ไม่มีการเพิ่มอีก นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา) โดยการเติบโตของสาขาใช้เวลาเพียง 6 ปีกว่าๆ นับจากตั้งบริษัทฯ ขึ้นมาในปี 2561 ขณะที่ผลดำเนินงาน 3 ปีล่าสุด (ปี 2565-67) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านรายได้และกำไร โดยรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 25% จาก 464.47 ล้านบาท ในปี 2565 เป็น 657.06 ล้านบาท ในปี 2566 และ 823.58 ล้านบาท ในปี 2567 ส่วนกำไรเพิ่มจาก 59.31 ล้านบาท เป็น 67.28 ล้านบาท และ 83.47 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอ้ตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 13.6% และสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิได้สูงกว่า 10% อย่างต่อเนื่อง
ด้านนายกวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง WASH เสริมว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ ช่วยให้การซักผ้าเป็นเรื่องง่ายสำหรับชุมชน ทำให้บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์การซักผ้าที่เหนือระดับให้กับลูกค้าครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการซักผ้าจนเสร็จสิ้นกระบวนการ ส่งผลให้บริษัทฯ กำหนด Business Model มุ่งเน้นขยายสาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของเอง เพื่อให้สามารถขยายสาขาตามรูปแบบมาตรฐานได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทฯ สามารถควบคุมและบริหารจัดการสาขาให้มีมาตรฐานเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัวในการออกแบบและปรับเปลี่ยนโปรโมชัน และการทำการตลาด มีศูนย์บริการลูกค้าให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง และมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่จากทุกสาขาที่สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาธุรกิจ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างความแตกต่าง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ นำเอาเทคโนโลนีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชัน WashXpress ช่วยยกระดับประสบการณ์การซักผ้าให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งการค้นหาร้านใกล้บ้าน การตรวจสอบสถานะเครื่องซัก-อบผ้าแบบเรียลไทม์ พร้อมรับการแจ้งเตือนเมื่อซักเสร็จ เช็กโปรโมชันและสิทธิพิเศษที่อัปเดตอยู่เสมอ พร้อมระบบชำระเงินแบบไร้เงินสด (Cashless Payment) ที่รองรับหลากหลายช่องทาง รวมถึงบริการฝากซัก-อบ-พับผ่านแอพพลิเคชัน ส่งผลให้สามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสะดวกต่อการเพิ่มบริการใหม่ อาทิ ซักอบพับ บริการรับรีด บริการรับจ้างซักอบรีดในปริมาณมากสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) ตลอดจนการเพิ่มบริการรับ-ส่งผ้าในอนาคต เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่มีบริการครบวงจร ผลักดันการเติบโตแบบก้าวกระโดด และยั่งยืนในระยะยาว
ล่าสุด บริษัทฯ เปิดให้บริการรับรีด By พี่วัว แล้ว 4 สาขา ได้แก่ สาขาลาดพร้าว 101, สาขาตลาดกิเลน ศาลายา, สาขาแบริ่ง 34 และสาขาลาดพร้าววังหิน 28 รวมถึงเปิดตัว Loyalty Program ภายใต้ชื่อ พี่วัวคลับ ซึ่งเป็นการนำโมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก (Subscription Model) มาปรับใช้กับบริการซักผ้าเป็นครั้งแรก ด้วยค่าสมาชิกเพียงปีละ 199 บาท มีให้เลือก 2 แพ็กเกจสุดคุ้มตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า คือ แพ็กเกจ พี่วัวซักบ่อย เหมาะสำหรับคนซักเป็นประจำ เพราะช่วยให้สามารถประหยัดได้ต่อเนื่องตลอด 12 เดือนเต็ม และแพ็กเกจ พี่วัวซักคุ้ม ซึ่งให้ส่วนลดเต็มๆ สำหรับการซักผ้าครั้งใหญ่ประจำสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเก่า พร้อมกับเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ คงความเป็นผู้นำในตลาดร้านซักสะดวกครบวงจรอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญ บริษัทฯ พร้อมใช้เงินทุนที่ได้จากการขายหุ้น IPO ไปใช้ขยายสาขาให้มีความคุ้มค่าสูงสุด ด้วยการขยายสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง เช่น กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก หลังจากเพิ่งนำร่องเปิดสาขาแรกในภาคใต้เมื่อเร็วๆ นื้ ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับผู้ถือหุ้น เพราะบริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ หลังหักสำรองต่างๆ ที่กฎหมายกำหนด